เคยไหมอยากให้หน้าบ้านสว่างอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกลางคืน แต่ไม่อยากเสียเงินค่าไฟโดยการเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืน ยิ่งสำหรับสถานการณ์แบบนี้ หรือยุคโควิด -19 แบบนี้ หากประหยัดได้ก็อยากจะประหยัด รัดเข็มขัดให้ถึงที่สุด แต่ก็กลัวว่าถ้าหากบ้านมืดเกินไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้ เพราะยุคสมัยนี้ขโมย ก็มีมากขึ้นกับเศรฐกิจบ้านเมืองแบบนี้
ถ้าหากอยากได้หลอดไฟที่สามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าได้นั้น ต้องดูด้วยกันหลายปัจจัย แต่ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันคือ หลอดไฟ LED ที่เป็นหลอดไฟแบบใหม่ที่กำลังเข้ามาแทนที่หลอดประหยัดไฟหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เราคุ้ยเคยกันดี เนื่องจากหลอดไฟ LED มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดไฟประเภทอื่นถึง 15,000 ชั่วโมง ใช้พลังงานวัตต์น้อยแต่ให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างมาก ที่สำคัญไม่มีรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง นอกจากนั้นการเลือกโทนแสงสว่างให้เหมาะสมกับการใช้งานก็จะช่วยให้ประหยัดไฟได้อีกด้วย
โดยค่าความสว่างจะมีหน่วยเป็น Lumen (lm) เราสามารถดูค่านี้ได้จากบรรจุภัณฑ์ ยิ่งค่า (lm) มาก ความสว่างก็จะมากขึ้น ส่วนจำนวนวัตต์ จะเป็นการบอกถึงกำลังในการกินไฟ เช่น หลอดไส้ขนาด 60 วัตต์ จะให้แสงสว่าง 600 (lm) แต่เมื่อเทียบกับหลอดไฟ LED ที่ได้มาตรฐานจะให้ความสว่างเท่ากัน แต่จะกินไฟเพียง 7 วัตต์ เป็นต้น ดังนั้นหลอดไฟจะประหยัดไฟมากน้อยเพียงใด ต้องสังเกตทั้งจากจำนวนวัตต์ ค่าความสว่าง อายุการใช้งานของหลอดไฟ ไปจนถึงประเภทของโทนสีหรืออุณหภูมิสีของแสงให้เหมาะกับการใช้งานด้วยเช่นกัน ดังนั้น ลองมาเปลี่ยนจากหลอดไฟจากธรรมมาเป็นหลอดไฟ LED ที่ใช้ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์กันดีกว่า
แค่นี้หน้าบ้านในตอนกลางคืนก็จะสว่างอยู่ตลอดเวลา และหากพอเช้าแล้วก็ไม่ต้องเดินมาปิดไฟด้วย เพราะ มันจะดับเองอัตโนมัติหากฟ้าเริ่มสว่าง เสียเงินครั้งเดียวใช้ได้ไปอีกนาน